ร้านขายกัญชาครบวงจร แห่งแรกของประเทศไทย เปิดแล้วที่ถนนข้าวสาร
ร้านขายกัญชาครบวงจร ในวันที่ 18 สิงหาคม 2565 ณ ถนนข้าวสาร จัดแถลงข่าวเปิดตัว ร้านขายกัญชาครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทย เพื่อยกระดับธุรกิจกัญชาไทย และพิสูจน์ให้สังคมไทยเห็นว่า เราคนไทยสามารถทำธุรกิจกัญชาโดยส่งเสริมอัตลักษณ์ความเป็นไทยเพื่อให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศได้รับประสบการณ์ใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์ไทย พร้อมทั้งสามารถทำธุรกิจกัญชาภายใต้ข้อกำหนดต่างๆของทางภาครัฐอย่างครบถ้วน และพิสูจน์ให้สังคมไทยเห็นว่า เราสามารถควบคุมได้ไม่ก่อให้เกิดความรำคาญแก่ผู้ไม่พึงประสงค์ และเราขอโอกาสสังคมไทย ให้เราสามารถเปิดร้านแบบนี้ เพื่อพิสูจน์ว่า กัญชาไทย คุมได้จริง” โดยมีพี่ๆสื่อมวลชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก

ผู้บริหาร ร้านขายกัญชาครบวงจร แห่งแรกของประเทศไทย กล่าว เสรีภาพของเราต้องไม่กระทบสิทธิของผู้อื่น
นายองอาจ ปัญญาชาติรักษ์ กล่าวว่า “ขอบพระคุณรัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข โดยอย่างยิ่ง ท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และพรรคภูมิใจไทย ที่ปลดล็อคพืชกัญชาพ้นยาเสพติด ทำให้กลุ่มเกษตรกรอย่างไรมีโอกาสในการเปิดร้านในแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งเป็นโอกาสแรกของเกษตรไทยจริงๆ”
ต่อมาได้กล่าวถึง “เหตุผลในการเปิดร้าน RG420 cannabis store ขึ้นนี้ เพราะต้องการทำให้สังคมไทยได้เห็นว่า เราสามารถยกระดับธุรกิจกัญชาให้เทียบเท่าสากลได้ พร้อมกับสอดแทรก อัตลักษณ์ความเป็นไทย เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ อีกทั้งยังสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆของทางภาครัฐได้อย่างครบถ้วน เพื่อพิสูจน์ว่าเมื่อพืชกัญชาที่ถูกปลดออกจากการเป็นยาเสพติดให้โทษ เราคนไทยสามารถสร้างกฎเกณฑ์หรือข้อตกลงร่วมกันให้สังคมยอมรับ โดยเรายึดหลัก เสรีภาพของเราต้องไม่กระทบสิทธิของผู้อื่น” นอกจากนี้ยังได้กล่าวต่ออีกว่า “ต้องการเป็นกระบอกเสียงให้กับเกษตรกรที่มีความหวังเกี่ยวกับพืชกัญชาอีกหลายครัวเรือนในประเทศไทย เพราะ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรอินทรีย์เพชรลานนา ลำปาง ก็เป็นหนึ่งในเกษตรกรที่มีความหวังเกี่ยวกับพืชกัญชาว่าจะสามารถ สร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้ลืมตาอ้าปาก หรือสามารถขยายใหญ่ขึ้นไปจนถึงขั้นสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยได้”

ด้าน นายณัฐวรภัคธร พงธนัชธนากรณ์ (บอย) ผู้ถือหุ้นร้านอีกท่านได้กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาการเปิดร้านนั้น ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่เมื่อทราบว่า พืชกัญชาได้รับการถอดออกจากการเป็นยาเสพติดให้โทษแล้ว ก็รู้สึกว่าการเดินทางมารับประสบการณ์ใหม่นั้นเป็นที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจอย่างมาก”
จากการพูดคุยกับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่า “เนื่องจากการเดินทางมาประเทศไทยนั้น เป็นหนึ่งในประเทศต้นๆที่น่าท่องเที่ยว เนื่องจากมีอาหารที่อร่อยและสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย เมื่อเทียบกับเมืองท่องเที่ยวในประเทศอื่นๆที่อนุญาตให้สามารถจำหน่ายพืชกัญชาได้แล้วนั้น กัญชาสายพันธุ์ไทย เป็นสายพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์ เป็นที่รู้จักกันทั่วโลกกันในชื่อว่า Thai Stick (หางกระรอก) ซึ่งทางร้านได้โปรโมทสายพันธุ์กัญชาไทยแท้เป็นหลัก และมีความฝันว่าสายพันธุ์ไทยให้เป็นที่รู้จักระดับโลกอีกครั้ง”
นายณัฐวรภัคธร ยังกล่าวต่ออีกว่า “ภายในร้านมีการเพิ่มอัตลักษณ์ความเป็นไทยเพิ่มขึ้น โดยมีการวางจำหน่ายสินค้าในหมวดอาหาร ที่มีส่วนผสมของกัญชาที่ได้รับการตรวจสอบและยอมรับจากสำนักงานอาหารและยา (อย.) วางจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มคาโมมายล์ผสมใบกัญชา ขนมทานเล่น เช่น กล้วยกะทิผสมกัญชา กล้วยบดเคลือบช็อกโกแลตผสมกัญชา เจลลี่กลิ่นกัญชา ขนมไทยทองหยิบ ทองหยอด เฉาก๊วย รวมไปถึงของฝากอื่นๆอีกมากมาย เช่น พิมเสน รากดอง เครื่องตุ๋น ผงปรุงรส ผงน้ำซุป ซึ่งทั้งหมดนั้น ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากและให้การตอบรับเป็นอย่างดี จนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าได้กลับมาประเทศไทยอีก จะไม่พลาดแน่นอนที่จะมาร้านนี้อีก เพราะรู้สึกปลอดภัย อบอุ่นเหมือนได้อยู่ที่บ้าน”

นายองอาจกล่าวต่ออีกว่า “เราหวังว่าจากเปิดร้านกัญชาแบบนี้ จะทำให้คนไทยหรือสังคมไทย ให้โอกาสกัญชาไทย รวมถึงเกษตรกรไทย ได้เติมโต มีรายได้เลี้ยงดูครอบครัว ชุมชนและประเทศชาติ และย้ำว่า เราขอโอกาสสังคมไทย ให้เราสามารถเปิดร้านแบบนี้ ในแหล่งท่องเที่ยวอีก 10 จังหวัด เพื่อพิสูจน์ว่า กัญชาไทย คุมได้จริง”